กรดไหลย้อน กับอาการแสบร้อนกลางอก เป็นๆหายๆ

อาการแสบร้อนบริเวณกลางอก ลิ้นปี่ เป็นอาการบ่อยที่สุดอาการหนึ่งที่ผู้ป่วยมักมาปรึกษากับเภสัชกรร้านยา ซึ่งอาการนี้เป็นหนึ่งในอาการบ่งชี้ของโรคกรดไหลย้อนค่ะ ที่อยากเขียนเรื่องนี้เป็นเพราะจากการอยู่ร้านยาพบว่าคนไข้ของเราเป็นโรคนี้กันเยอะ และนอกจากการกินยาเพื่อรักษาโรคแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและความเข้าใจเกี่ยวกับโรคยังเป็นเรื่องสำคัญมากในการที่จะช่วยให้หายขาดจากโรคนี้ มีหลายคนยังไม่ทราบหรือบางทีก็คาดไม่ถึง ว่าพฤติกรรมบางอย่างที่ทำอาจจะกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อนได้ เลยไม่ได้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านั้น จนเกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า “กินยาวนไปไม่หายสักที” เอาเป็นว่าวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจให้มากขึ้นเกี่ยวกับโรคกรดไหลย้อนกันค่ะ

โรคกรดไหลย้อนเกิดขึ้นได้อย่างไร? จะขอเล่าเฉพาะสาเหตุหลักๆนะคะ

❤️สาเหตุที่ 1 การคลายตัวของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง

หูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง หรือ Lower esophargeal sphincter (LES) จะอยู่ระหว่างกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้น้ำย่อยที่มีความเป็นกรดจากกระเพาะอาหารไหลขึ้นมาสู่หลอดอาหาร หากหูรูดที่ว่านี้เกิดการเสื่อม ทำงานได้ไม่ปกติ หรือเกิดการคลายตัว ก็จะส่งผลให้กรดไหลย้อนขึ้นมาระคายเคืองหลอดอาหาร เป็นผลให้เกิดการทำลาย และอาจจะเกิดการอักเสบ เกิดแผลที่หลอดอาหารได้ค่ะ

❤️สาเหตุที่ 2 การมีบางส่วนของกระเพาะอาหารอยู่เหนือกระบังลม

ตามที่ถูกที่ควร กระบังลมและหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างควรอยู่ตำแหน่งเดียวกัน แต่ความผิดปกตินี้เกิดขึ้นจากการมีบางส่วนของกระเพาะอาหารดันเลื่อนขึ้นไปอยู่เหนือกระบังลม เรียกว่า Hiatal Hernia ซึ่งหากเป็นเช่นนี้แล้วประสิทธิภาพในการป้องกันกรดไหลย้อนของกระบังลมและหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจะลดลงส่งผลให้กรดไหลย้อนขึ้นมาได้ง่ายขึ้น

❤️สาเหตุที่ 3 การเกิด Acid pocket

Acid pocket เกิดจากการที่กรดที่ถูกสร้างขึ้นในกระเพาะอาหารเพื่อช่วยย่อยอาหารไม่คลุกเคล้ากับอาหารดีพอ แล้วเกิดการลอยตัวขึ้นกลายเป็นชั้นฟิล์มของกรด ลอยอยู่เหนือชั้นอาหารในกระเพาะอาหาร (ลองจินตนาการถึงชั้นไขมันที่ลอยเหนือชั้นน้ำ คล้ายๆแบบนั้นแหละค่ะ) ชั้นกรดที่ว่านี้จะมีความเป็นกรดสูงมาก ค่า pH ประมาณ 1.7 – 2 ซึ่งจริงๆแล้วการเกิด Acid pocket ที่ว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะสามารถพบได้ในคนสุขภาพดีที่ไม่เป็นกรดไหลย้อนได้เช่นกัน แต่ในคนที่เป็นกรดไหลย้อนนั้น จะเกิด Acid pocket บ่อยกว่า และมีความหนาของชั้นฟิล์มกรดที่มากกว่า รวมถึงบางครั้งอาจเกิด Acid pocket ร่วมกับภาวะการมีกระเพาะอาหารบางส่วนอยู่เหนือกระบังลม (Hiatal Hernia) จึงยิ่งทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันกรดไหลย้อนของกระบังลมและหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจะลดลงไปอีก

❤️สาเหตุที่ 4 หลอดอาหารมีการบีบตัวผิดปกติ

โดยปกติแล้วหลอดอาหารจะมีการบีบตัวเพื่อไล่กรดและอาหารลงสู่ด้านล่าง (เรียกว่า peristalsis) แต่ในผู้ป่วยบางรายมีแรงบีบที่น้อยกว่าปกติ จึงเกิดภาวะกรดไหลย้อนได้ง่ายกว่าคนทั่วไปค่ะ

❤️สาเหตุที่ 5 ความดันของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างต่ำกว่าคนปกติ

หากความดันที่หูรูต่ำกว่าปกติ อาจจะส่งผลให้เกิดการคลายตัวของหูรูดได้ค่ะ จึงส่งผลให้เกิดกรดไหลย้อนได้มากขึ้น


อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นอาการของกรดไหลย้อนนั้นไม่ได้มีเพียงแค่แสบร้อนกลางอกค่ะ ยังอาจจะมีอาการอื่นๆได้ด้วย มาดูกันค่ะ “อาการที่พบในผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน”

  1. แสบร้อนบริเวณหน้าอก ลิ้นปี่ บางครั้งร้าวไปถึงคอได้
  2. รู้สึกเหมือนมีก้อนอยู่ในลำคอ
  3. กลืนลำบาก กลืนแล้วเจ็บ
  4. มีอาการเจ็บคอ แสบลิ้นเรื้อรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเช้าๆ
  5. รู้สึกจุกแน่นหน้าอก คล้ายอาหารไม่ย่อย
  6. เรอเหม็นเปรี้ยว
  7. รู้สึกขม หรือเปรี้ยว เหมือนรสของกรดอยู่ในลำคอ
  8. ไอเรื้อรัง เสียงแหบเรื้อรัง

หากใครอ่านแล้วมีอาการแบบนี้สามารถมาปรึกษาเภสัชกรที่ร้านยาได้นะคะ เพื่อทำการซักประวัติและรักษาอย่างจริงจังซึ่งจะต้องใช้เวลารักษาราว ๆ 1-3 เดือน


? ปรับพฤติกรรมอย่างไร ไม่ให้เป็นกรดไหลย้อน ? อันนี้สำคัญมาก สำคัญสุดๆสำหรับคนเป็นโรคนี้ค่ะ

  1. กินอาหารให้เสร็จเรียบร้อยก่อนนอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง!!! ห้ามกินเสร็จแล้วนอนเลย ใครทำแบบนี้กรดไหลย้อนถามหาแน่นอนค่ะ
  2. งดอาหารบางกลุ่ม เพราะ มีผลไปลดความดันของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจึงทำให้กรดไหลย้อนได้ง่ายขึ้น เช่น อาหารมันๆทอดๆ, กระเทียม, หัวหอม, ช็อคโกแลต,พริก, พริกไทย, อาหารที่มีคาเฟอีน ชา, กาแฟ, แอลกอฮอล์
  3. งดอาหารที่ระคายเคืองเยื่อบุหลอดอาหาร เช่น อาหารเผ็ด น้ำส้ม น้ำมะเขือเทศ กาแฟ
  4. งดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้เกิดกรดมากขึ้น และแผลในหลอดอาหารหายช้าลง
  5. หลีกเลี่ยงการกินอาหารมากเกินใน 1 มื้อ กินแต่พออิ่ม และเลือกกินอาหารที่ย่อยง่าย
  6. ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ เสื้อผ้ารัดๆจะทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้มากขึ้น
  7. ไม่ควรนอนออกกำลังกาย
  8. นอนเตียงที่หนุนขาเตียงยกศรีษะสูงขึ้น 15 cm (ไม่ใช่การนำหมอนมาซ้อนกันสูงๆนะคะ เพราะจะทำให้ความดันในช่องท้องสูงขึ้น)
  9. ลดน้ำหนักสำหรับผู้มีภาวะอ้วน (เพราะภาวะอ้วนจะทำให้มีความดันในช่องท้องสูงขึ้น โอกาสเกิดกรดไหลย้อนจึงสูงขึ้นด้วย

กลุ่มยาที่ใช้ในการรักษาโรคกรดไหลย้อน

  1. ยาลดกรด (Antacids) ที่มีส่วนประกอบของ Aluminium hydroxide และ Magnesium hydroxide เพื่อช่วยในการสะเทินกรด ใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่มาก
  2. ยาในกลุ่ม Proton pump inhibitor ใช้เพื่อยับยั้งการหลั่งกรด เช่น Omeprazole, Lansoprazole, Pantoprazole, Rabeprazole, Esomeprazole
  3. ยาในกลุ่ม Histamine receptor type-2 antagonists ใช้เพื่อยับยั้งการหลั่งกรด เช่น Cimetidine, Ranitidine, Famotidine

อ้างอิง : แนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคกรดไหลย้อนในประเทศไทย
http://www.gastrothai.net/th/guideline-detail.php?content_id=31